ยินดีต้อนรับทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม changeyou7.blogspot.com ท่านสามารถสอบถามขอรับข้อมูลเพิ่มเติม จะสมัครสมาชิก หรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้นะคะ โทร. 090-6292801

เรื่องของกลูต้าไธโอน





ในหมู่สาวๆ ที่รักสวยรักงาม คงทราบดีเกี่ยวกับการอวดอ้างต่อๆ กันมาว่า "กลูต้าไธโอน" เป็นสารที่ช่วยทำให้ผิวขาวผ่องและเป็นที่นิยมกันมาก 

แม้คุณหมอจะออกมาเตือนว่า "กลูต้าไธโอน" ไม่ช่วยทำให้ผิวขาว ถึงขั้นที่ อย.และแพทยสภาออกกฎข้อบังคับห้ามแพทย์นำมาฉีด เพราะเป็นการกระทำที่หลอกลวงผู้บริโภค แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีใครยอมฟังเลยยิ่งกลับแพร่ระบาดกันไปใหญ่ 

นายแพทย์ชลทิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย กล่าวให้ข้อคิดกับสาวที่อยากสวยว่าขอให้ยึดหลักสำคัญว่าการฉีดสารหรือสิ่งต่างๆ เข้าร่างกายนั้นมีหลักสำคัญข้อเดียวคือนำเข้าสู่ร่างกายก็ต้องสามารถเอาออกได้ ถ้าเอาเข้าแล้วเอาออกไม่ได้หรือไม่สลายตัวไปเองถือว่าไม่ปลอดภัยทั้งสิ้นเพราะเป็นสิ่งแปลกปลอม 

ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในเรื่อง "กลูต้าไธโอน" นั้น นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทยบอกว่า เท่าที่ทราบมีการขายเกลื่อนตามเว็บไซต์ ราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงเป็นหมื่นบาทที่น่ากลัวคือมีการแนะนำวิธีฉีดและอวดอ้างสรรพคุณจนทำให้คนที่อยากขาวเกิดความสนใจ และซื้อหาไปทดลองทั้งฉีดและกินเพื่อให้ตัวขาวก็ขอแจ้งให้ทราบว่าไม่เป็นความจริง 

นายแพทย์ชลทิศ บอกว่าความจริงแล้วปกติร่างกายจะสร้าง "กลูต้าไธโอน" ได้เองจากสารอาหารธรรมชาติที่รับประทานเข้าไป เช่น เนื้อสัตว์ ผักสีเขียว รวมทั้งสมุนไพรอย่างอบเชย เป็นต้น เนื่องจากมันมีหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระหรือสารพิษต่างๆ จากร่างกาย นอกจากนี้ยังป้องกันความเสื่อมและเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกายอีกด้วย 

ถึงแม้การฉีด "กลูต้าไธโอน" จะไม่ส่งผลอันตรายโดยตรงกับร่างกายแต่การใช้เข็มฉีดเข้าตัวเองกันอย่างแพร่หลาย โดยไม่ระมัดระวังและคำนึงถึงสุขอนามัยแล้วอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกนับไม่ถ้วน 

นั่นก็เป็นคำกล่าวเตือนจากคุณหมอในแวดวงความสวยงามโดยตรงรู้แล้วก็อย่าปล่อยให้โดนหลอกต่อไปโดยไม่จำเป็น


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เตือนก่อนสาย 10 หลุมดำเรื่องกิน

เรื่องกินก็เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต เพราะฉะนั้นทุกคำที่กินก็ต้องกินอย่างมีสติ ไม่อย่างนั้นโรคภัยไข้เจ็บก็จะคุกคามตามมา


นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ มี 10 หลุมดำ เกี่ยวกับเรื่องของการกิน ฝากเตือนใจผู้อ่านรักสุขภาพ ให้ใส่ใจกับพฤติกรรมการกินอาหาร

เริ่มจาก "กินเช้าดีแต่...ต้องมีลิมิต" อย่าคิดเน้น แป้ง (Refined carbohydrate) มากไป เช่น ข้าวราดแกงให้เพลาข้าวลงนิด หรือคิดกินเส้นก็เป็นเกาเหลาก็ยังได้ เพราะแป้งมากจะทำให้หิวง่ายก่อนเที่ยง แถมเสี่ยงอ้วนชวนโรคมาอีกพะเรอ

ต่อด้วยหลุมดำที่ 2 "กินแค่พออิ่ม" ด้วยเหตุว่ากระเพาะเป็นอวัยวะเฉื่อยกว่าจะส่งสัญญาณ อิ่ม ไปสมองต้องใช้ราว 15 นาที มีเทคนิคง่ายคือให้ อิ่มก่อนอิ่มแล้วจะสบายท้องดีที่สุดครับ

หลุมถัดไป "ชอบลิ้มก่อนนอน" ขอให้ยามหลับเป็นเวลาพักไส้ ช่วงแรกอาจมีท้องกิ่วนิดๆ แต่ขอให้คิดเถิดครับว่า เพื่อให้สมองได้หลับสนิทแล้วหลั่ง ธาตุนิทรา(Melatonin) กับ ธาตุหนุ่มสาว(Growth hormone) แล้วตื่นมาจะสบายกว่าที่คิด ลองแล้วจะติดใจครับ

หลุมดำที่ 4 เรียกว่า "อย่าย้อนกระเพาะ" ขอให้เลี่ยงอาหารมัน เพราะเป็นอาหารคิดสั้นสำหรับโรคกระเพาะและกรดไหลย้อนครับ สำหรับอาหารเผ็ดยังไม่น่ากลัวเท่า เพราะของทอดและมันเป็นอาหารอร่อยสั้นแต่มันอยู่ในกระเพาะได้ยาวนานกว่าอาหารอื่น ขืนกินบ่อยต้องระวังกรดย้อนศรมาหานะเธอ

ครึ่งทางกับหลุมดำที่ 5 "กินต้องฝึก" นึกหิวเมื่อไรให้ดูว่า หิวจริง หรือ หิวหลอก บ่อยครั้งที่เป็นแค่ อยาก คือหิวแบบสับขาหลอกแต่ออกไปหากินจริง คนไทยชอบกินฉึกฉึก เอ๊ย...จุบจิบ เลยฝากวิธีง่ายไว้ให้ถามตัวเองว่า หิวขนาด กินฝรั่งสดได้สักลูกไหม ซึ่งถ้าใช่ก็หิวจริง วิ่งหาอาหารมากระแทกท้องได้


นอนไม่พอก็อ้วนได้ (อย่างมาก)

คุณเคยรู้สึกเหนื่อยจากการนอนไม่พอรึเปล่า? หลาย ๆ ครั้งคุณอาจรู้สึกง่วงนอนจากการนอนหลับไม่สนิท หรือนอนไม่เพียงพอ

 ทำให้ระหว่างวันรู้สึกหิวบ่อย และอยากกินตลอดเวลา เพราะร่างกายต้องการพลังงานเพิ่มเติม หลายครั้งความรู้สึกอยากกินที่เกิดขึ้นกับคุณ คุณเองก็ไม่ได้รู้สึกหิวด้วยซ้ำ แต่มันเป็นความอยากมากกว่า และเป็นไปได้สูงว่าคุณจะไม่ได้กินอาหารเพื่อสุขภาพแน่ ๆ หรือที่แย่ไปกว่านั้นบางคนเลือกกินอาหาร junk food เพื่อชดเชยพลังงานที่ร่างกายกำลังขาด ทำให้เสียสุขภาพ และอ้วนขึ้นได้ทันตาเห็น
จากการศึกษาวิจัยพบว่ามีความสัมพันธ์กันระหว่า'การการนอนไม่พอกับการกินมากเกินไป ในกรณีที่แย่ที่สุดคนที่นอนน้อยกว่า 4 ชั่วโมงจะบริโภคอาหารมากกว่าคนที่นอนวันละ 8 ชั่วโมงได้มากถึง 550 แคลอรี่! นั่นเท่ากับในหนึ่งสัปดาห์คุณอาจมีน้ำหนักเพิ่มได้ถึง 52 ปอนด์ หรือประมาณ 23.6 กก. ในกรณีที่เลวร้ายสุด ๆ