ยินดีต้อนรับทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม changeyou7.blogspot.com ท่านสามารถสอบถามขอรับข้อมูลเพิ่มเติม จะสมัครสมาชิก หรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้นะคะ โทร. 090-6292801

เช้ง ลดน้ำหนัก (กล่องสีดำ) จัดส่งEmsทั่วประเทศ โทร.090-6292801

เราคือตัวแทนจำหน่ายโดยตรง
ยินดีต้อนรับทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม
ทั้งลูกค้าเก่าและใหม่หรือผู้ที่กำลังจะตัดสินใจ
อย่างไรก็ดี..หวังว่าท่านจะได้รับข้อมูลตลอดจนข่าวสาร
ที่เป็นประโยชน์กับทุกท่าน ไม่มากก็น้อย
ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า สินค้าของจัสมินเขาดีจริง
การันตรีจากผู้ใช้..มากมาย 80-90 % แฮปปี้
และยินดีที่บอกต่อ กลับมาซื้อซ้ำจำนวนไม่น้อย
"สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น.."
แต่ของแบบนี้ต้องลองกับตนเอง.
สุภาษิตนี้ยังคงใช้ได้ดี.. 
ติดต่อสอบถามกันก่อนได้นะคะ
แค่ท่านโทรมาเราก็ยินดี..
อย่าได้เกรงใจที่จะกดเบอร์ หรือจะโชว์เบอร์มาหาเราก็ได้..เช่นกัน
โทรมารับทุกสาย ตอบกลับทุกอีเมล
หมายเหตุ : หากไม่ได้รับ อาจติดสายอยู่ ขอให้ติดต่อกลับมาอีกรอบ
"สะดวก มั่นใจ วางใจ ของแท้ ส่งถึงมือผู้รับ 100 % " 

โปรโมชั่น ประจำเดือน
 เช้ง 4 กล่อง แถมฟรี 1กล่องทันที ในราคา 5,100 บาท จากราคาปกติ  6,250 บาท
เช้ง ลดน้ำหนัก (กล่องสีดำ) ส่งEmsทั่วประเทศ
สอบถาม เพิ่มเติมโทร.090-6292801

วิธีบอกลาผิวแห้ง เริ่มก่อนที่จะสาย

อาการผิวแห้งสามารถก่อความรำคาญให้กับคุณได้ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นอาการแสบคันผิวแห้งกร้านแลดูไม่สวยงาม ผิวของคุณอาจรู้สึกตึง




อาการผิวแห้งสามารถก่อความรำคาญให้กับคุณได้ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นอาการแสบคัน และผิวแห้งกร้านแลดูไม่สวยงาม ผิวของคุณอาจรู้สึกตึง และเจ็บ ซึ่งอาการมีอาการผื่นแดงขึ้นมา ที่สำคัญอาากรคันที่ทำให้คุณต้องเกาเบา ๆ ก็ทำให้เสียบุคคลิกได้มากทีเดียว นอกจากจะดูไม่ดีแล้วยังดูเหมือนคนเป็นโรคผิวหนัง และเป็นที่น่ารังเกียจได้เช่นกัน
อาการผิวแห้งกร้านนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงสาเหตุ และวิธีการป้องกันแก้ไข เพื่อให้คุณสามารถบอกลาผิวแห้งได้ดังใจต้องการ ผิวหนังของเราคือปราการด่านแรกที่ร่างกายมีไว้ป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ หากคุณปล่อยให้ผิวของคุณแห้งกร้าน แตกระแหงเหมือนพื้นดิน คุณก็อาจติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้ ซึ่งการติดเชื้อเหล่านี้สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ใหญ่กว่าได้เช่นกัน ดังนั้นหากคุณต้องการที่่จะใช้ชีวิตให้มีสุขภาพที่ีดี การดูแลเอาใจใส่ผิวก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด
เมื่อเกิดอาการผิวแห้งไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสัญญาณบอกอาการของโรค หรือการติดเชื้อในทันที แต่ม้นอาจเป็นแค่อาการที่เกิดจากการแพ้สบู่ ใช้สบู่ที่แรงเกินไป ใส่เสื้อผ้าที่ทำให้เกิดอาการคัน ใช้โลชั่นที่ไม่ถูกต้องต่อผิว หรืออาจเป็นอาการที่เกิดจากการอาบน้ำร้อนนานเกินไปก็เป็นไปได้
นอกจากสาเหตุที่ข้างต้นแล้ว อาการผิวแห้งอาจเป็นอาการเกิดของโรคที่คุณกำลังเป็นอยู่ เช่นยาโรคเบาหวาน, ไฮโปไทรอยด์ และ ขาดสารอาหารเป็นต้น

เรื่องของกลูต้าไธโอน





ในหมู่สาวๆ ที่รักสวยรักงาม คงทราบดีเกี่ยวกับการอวดอ้างต่อๆ กันมาว่า "กลูต้าไธโอน" เป็นสารที่ช่วยทำให้ผิวขาวผ่องและเป็นที่นิยมกันมาก 

แม้คุณหมอจะออกมาเตือนว่า "กลูต้าไธโอน" ไม่ช่วยทำให้ผิวขาว ถึงขั้นที่ อย.และแพทยสภาออกกฎข้อบังคับห้ามแพทย์นำมาฉีด เพราะเป็นการกระทำที่หลอกลวงผู้บริโภค แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีใครยอมฟังเลยยิ่งกลับแพร่ระบาดกันไปใหญ่ 

นายแพทย์ชลทิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย กล่าวให้ข้อคิดกับสาวที่อยากสวยว่าขอให้ยึดหลักสำคัญว่าการฉีดสารหรือสิ่งต่างๆ เข้าร่างกายนั้นมีหลักสำคัญข้อเดียวคือนำเข้าสู่ร่างกายก็ต้องสามารถเอาออกได้ ถ้าเอาเข้าแล้วเอาออกไม่ได้หรือไม่สลายตัวไปเองถือว่าไม่ปลอดภัยทั้งสิ้นเพราะเป็นสิ่งแปลกปลอม 

ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในเรื่อง "กลูต้าไธโอน" นั้น นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทยบอกว่า เท่าที่ทราบมีการขายเกลื่อนตามเว็บไซต์ ราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงเป็นหมื่นบาทที่น่ากลัวคือมีการแนะนำวิธีฉีดและอวดอ้างสรรพคุณจนทำให้คนที่อยากขาวเกิดความสนใจ และซื้อหาไปทดลองทั้งฉีดและกินเพื่อให้ตัวขาวก็ขอแจ้งให้ทราบว่าไม่เป็นความจริง 

นายแพทย์ชลทิศ บอกว่าความจริงแล้วปกติร่างกายจะสร้าง "กลูต้าไธโอน" ได้เองจากสารอาหารธรรมชาติที่รับประทานเข้าไป เช่น เนื้อสัตว์ ผักสีเขียว รวมทั้งสมุนไพรอย่างอบเชย เป็นต้น เนื่องจากมันมีหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระหรือสารพิษต่างๆ จากร่างกาย นอกจากนี้ยังป้องกันความเสื่อมและเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกายอีกด้วย 

ถึงแม้การฉีด "กลูต้าไธโอน" จะไม่ส่งผลอันตรายโดยตรงกับร่างกายแต่การใช้เข็มฉีดเข้าตัวเองกันอย่างแพร่หลาย โดยไม่ระมัดระวังและคำนึงถึงสุขอนามัยแล้วอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกนับไม่ถ้วน 

นั่นก็เป็นคำกล่าวเตือนจากคุณหมอในแวดวงความสวยงามโดยตรงรู้แล้วก็อย่าปล่อยให้โดนหลอกต่อไปโดยไม่จำเป็น


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เตือนก่อนสาย 10 หลุมดำเรื่องกิน

เรื่องกินก็เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต เพราะฉะนั้นทุกคำที่กินก็ต้องกินอย่างมีสติ ไม่อย่างนั้นโรคภัยไข้เจ็บก็จะคุกคามตามมา


นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ มี 10 หลุมดำ เกี่ยวกับเรื่องของการกิน ฝากเตือนใจผู้อ่านรักสุขภาพ ให้ใส่ใจกับพฤติกรรมการกินอาหาร

เริ่มจาก "กินเช้าดีแต่...ต้องมีลิมิต" อย่าคิดเน้น แป้ง (Refined carbohydrate) มากไป เช่น ข้าวราดแกงให้เพลาข้าวลงนิด หรือคิดกินเส้นก็เป็นเกาเหลาก็ยังได้ เพราะแป้งมากจะทำให้หิวง่ายก่อนเที่ยง แถมเสี่ยงอ้วนชวนโรคมาอีกพะเรอ

ต่อด้วยหลุมดำที่ 2 "กินแค่พออิ่ม" ด้วยเหตุว่ากระเพาะเป็นอวัยวะเฉื่อยกว่าจะส่งสัญญาณ อิ่ม ไปสมองต้องใช้ราว 15 นาที มีเทคนิคง่ายคือให้ อิ่มก่อนอิ่มแล้วจะสบายท้องดีที่สุดครับ

หลุมถัดไป "ชอบลิ้มก่อนนอน" ขอให้ยามหลับเป็นเวลาพักไส้ ช่วงแรกอาจมีท้องกิ่วนิดๆ แต่ขอให้คิดเถิดครับว่า เพื่อให้สมองได้หลับสนิทแล้วหลั่ง ธาตุนิทรา(Melatonin) กับ ธาตุหนุ่มสาว(Growth hormone) แล้วตื่นมาจะสบายกว่าที่คิด ลองแล้วจะติดใจครับ

หลุมดำที่ 4 เรียกว่า "อย่าย้อนกระเพาะ" ขอให้เลี่ยงอาหารมัน เพราะเป็นอาหารคิดสั้นสำหรับโรคกระเพาะและกรดไหลย้อนครับ สำหรับอาหารเผ็ดยังไม่น่ากลัวเท่า เพราะของทอดและมันเป็นอาหารอร่อยสั้นแต่มันอยู่ในกระเพาะได้ยาวนานกว่าอาหารอื่น ขืนกินบ่อยต้องระวังกรดย้อนศรมาหานะเธอ

ครึ่งทางกับหลุมดำที่ 5 "กินต้องฝึก" นึกหิวเมื่อไรให้ดูว่า หิวจริง หรือ หิวหลอก บ่อยครั้งที่เป็นแค่ อยาก คือหิวแบบสับขาหลอกแต่ออกไปหากินจริง คนไทยชอบกินฉึกฉึก เอ๊ย...จุบจิบ เลยฝากวิธีง่ายไว้ให้ถามตัวเองว่า หิวขนาด กินฝรั่งสดได้สักลูกไหม ซึ่งถ้าใช่ก็หิวจริง วิ่งหาอาหารมากระแทกท้องได้


นอนไม่พอก็อ้วนได้ (อย่างมาก)

คุณเคยรู้สึกเหนื่อยจากการนอนไม่พอรึเปล่า? หลาย ๆ ครั้งคุณอาจรู้สึกง่วงนอนจากการนอนหลับไม่สนิท หรือนอนไม่เพียงพอ

 ทำให้ระหว่างวันรู้สึกหิวบ่อย และอยากกินตลอดเวลา เพราะร่างกายต้องการพลังงานเพิ่มเติม หลายครั้งความรู้สึกอยากกินที่เกิดขึ้นกับคุณ คุณเองก็ไม่ได้รู้สึกหิวด้วยซ้ำ แต่มันเป็นความอยากมากกว่า และเป็นไปได้สูงว่าคุณจะไม่ได้กินอาหารเพื่อสุขภาพแน่ ๆ หรือที่แย่ไปกว่านั้นบางคนเลือกกินอาหาร junk food เพื่อชดเชยพลังงานที่ร่างกายกำลังขาด ทำให้เสียสุขภาพ และอ้วนขึ้นได้ทันตาเห็น
จากการศึกษาวิจัยพบว่ามีความสัมพันธ์กันระหว่า'การการนอนไม่พอกับการกินมากเกินไป ในกรณีที่แย่ที่สุดคนที่นอนน้อยกว่า 4 ชั่วโมงจะบริโภคอาหารมากกว่าคนที่นอนวันละ 8 ชั่วโมงได้มากถึง 550 แคลอรี่! นั่นเท่ากับในหนึ่งสัปดาห์คุณอาจมีน้ำหนักเพิ่มได้ถึง 52 ปอนด์ หรือประมาณ 23.6 กก. ในกรณีที่เลวร้ายสุด ๆ

อุปสรรคของการลดน้ำหนักที่คุณอาจนึกไม่ถึง

การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับปกติ เมื่อเทียบกับส่วนสูง โครงร่าง และอายุ คือสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการมีสุขภาพดี แต่บางทีการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี ด้วยการระวังสิ่งที่กินและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่สามารถลดน้ำหนักตามต้องการได้ เพราะสาเหตุบางอย่างที่คุณนึกไม่ถึง

     - การกับเก็บน้ำ ลองลดอาหารที่เป็นสาเหตุของการกับเก็บน้ำในร่างกายมากขึ้น เช่น เกลือ น้ำอัดลม ฯลฯ และหันมากินผลไม้อย่างแตงโม ส้ม ซึ่งจะช่วยลดการกักเก็บน้ำและขจัดน้ำในร่างกายได้มาก

     - แพ้อาหาร อาการ แพ้อาหารอาจเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่อาจทำให้น้ำหนักตัวของคุณไม่ ขยับลง การแพ้อาหารที่ส่งผลต่อน้ำหนักที่พบกันมากที่สุด คือ การแพ้ข้าวสาลี เนื่องจากข้าวสาลีมีส่วนผสมของกลูเตนที่อาจรบกวนระบบการย่อย การแพ้ข้าวสาลีจึงทำให้มีปัญหาในการย่อยอาหาร มีอาการท้องผูก ท้องอืด คลื่นไส้ เป็นตะคริวง่าย อารมณ์แปรปรวน และอยากอาหาร นอกจากนี้อาจเช็คอาการแพ้อย่างอื่นด้วย เพราะอาจส่งต่อน้ำหนักตัวและเกิดอาการบวมได้เช่นกัน

     - พันธุกรรม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า พันธุกรรมมีความสัมพันธ์กับการเป็นโรคอ้วนถึง 30-40% อย่างไรก็ตามถ้าคุณบังเอิญมียีนส์อ้วน ก็ใช่จะหมดหวังว่าจะลดน้ำหนักไม่ได้ เพราะนักวิจัยชาวเยอรมันพบว่า คนที่ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง ก็อาจช่วยลดน้ำหนักได้

     - การออกกำลังกายแบบเดิมๆ ร่างกายของเราสามารถปรับตัวให้เข้ากับกิจวัตรการออกกำลังกายที่คุณทำเป็น ประจำ โดยใช้พลังงานน้อยลง ดังนั้น การเปลี่ยนกิจวัตรการออกกำลังกายหรือลองออกกำลังแบบใหม่ๆ จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเผาผลาญพลังงานของร่างกาย

     - นอนไม่พอ งานวิจัยหลายชิ้นพบความเชื่อมโยงระหว่างการนอนหลับกับฮอร์โมนที่มีอิทธิพล ต่อพฤติกรรมการกินของเรา ซึ่งได้แก่ ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ที่รับผิดชอบต่อความรู้สึกหิวและเลปติว (Leptin) ที่จะบอกสมองว่า เมื่อไหร่ควรจะหยุดกิน แต่ถ้าคุณนอนไม่พอ ฮอร์โมนเกรลินจะเพิ่มขึ้น ขณะที่เลปติวจะลดลง ผลก็คือความอยากเพิ่มขึ้นและไม่รู้สึกอิ่ม คนส่วนใหญ่ต้องการนอนประมาณวันละ 7-9 ชั่วโมง

     บางคนนอนมาก บางคนนอนน้อย แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่านอนแค่ไหนถึงจะพอ? ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ให้นอนนานที่สุดเท่าที่ต้องการติดต่อกันหลายๆ วัน จากนั้นการนอนของคุณจะคงที่ และคุณจะพบได้ว่า ตัวเองตื่นเองได้หลังจากนอนครบชั่วโมงที่ต้องการ (บวกลบ 15 นาที) เมื่อรู้ว่าตัวเองนอนเท่าไหร่ ก็ทำเป็นกิจวัตร จะช่วยลดน้ำหนักได้